Aug 29, 2009

“ลูคัส เลว่า” แพะตัวน้อยแห่งทุ่งแอนฟิลด์!!





ในฐานะคอบอลอังกฤษ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2009 เปิดฉากขึ้นมาด้วยความเร้าใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมระดับกลางตารางอย่าง “ท๊อตแนม ฮอตสเปอร์” ของแฮรี่ เร้ดแนปป์ (Harry Redknapp) ที่สามารถพาไก่เดือยทองตัวนี้กระพือปีกบินได้สูงที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ออกสตาร์ตฤดูกาล

ชัยชนะทั้งสี่นัดของสเปอร์หาได้มาด้วยโชคช่วยหรือความบังเอิญไม่ หากแต่มาจากมันสมองและการจัดสรรผู้เล่นที่ลงตัวของคุณจ่าแฮรี่ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษคนเดียวที่น่าจะมี “กึ๋น” ในการทำทีม ปั้นเด็ก แก้เกมส์ ไม่แพ้กุนซือระดับบิ๊กเนมอย่างท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) หรือ เจ้าป้าอาร์แซน เวงเกอร์ (Arsene Wanger) หรือแม้แต่พี่แจ้แห่งสแตมฟอร์ดบริดจ์ คาร์โล อันเชลอตติ (Carlo Ancelloti)

แต่เอ ! ท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล อาจจะยกมือท้วงติงผมว่าลืม “เอล ราฟา” ราฟาเอล เบนิเตซ (Rafael Benitez) กุนซือสแปนยาร์ดของพวกเราสาวกเดอะค็อปไปได้อย่างไรกัน

ขอเรียนอย่างนี้นะครับว่า ในฐานะแฟนบอลทีมลิเวอร์พูลเหมือนกัน ผมเริ่มรู้สึกว่าลิเวอร์พูลชุดนี้ไม่น่าจะมีโอกาสสัมผัสถ้วยลีกสูงสุดสมัยที่ 19 เป็นแน่แท้ !!

ผมคงจะมองโลกในแง่ร้ายและด่วนสรุปเกินไปเพราะฟุตบอลเพิ่งเตะไปได้เพียง 4 เกมเท่านั้นซึ่งลิเวอร์พูลชนะสองเกมส์และแพ้ไปแล้วสองเกมส์ครับ

สี่เกมส์เราเก็บได้หกแต้มยิงได้เก้าเสียไปเจ็ด เทียบกับทีมบิ๊กโฟร์ด้วยกันแล้วเราห่างเชลซีแค่หกแต้ม ห่างแมนยูแค่สามแต้มเอง และยังมีคะแนนเท่ากับอาร์เซน่อลที่เพิ่งจะสะดุดขาแพ้ให้กับแมนยูเป็นนัดแรก โดยทีมปืนโตได้เปรียบคือแข่งน้อยกว่าหงส์แดงหนึ่งนัดครับ

สรุปง่ายๆก็คือสถานการณ์พรีเมียร์ลีก 4 นัดแรกของลิเวอร์พูล นั้นยังไม่สามารถเกาะหนึ่งในสี่ของยอดตารางได้

แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ไอ้การด่วนสรุปของผมนั้นคงต้องขออธิบายเหตุผลเข้าข้างตัวเองสักหน่อยนะครับว่าทำไมผมยังเชื่อว่าลิเวอร์พูลชุดนี้ยังไม่ดีพอที่จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมาแสนนาน

เหตุผลประการแรก คือ ฟอร์มการเล่นของลิเวอร์พูลที่ดีที่สุดได้ผ่านพ้นไปเมื่อฤดูกาลก่อนแล้วครับ ทั้งนี้ เอล ราฟา ใช้รูปแบบการเล่น 4-4-1-1 โดยวางตอร์เรสไว้เป็นหน้าเป้าและมีเจอร์ราดเป็นตัวสนับสนุนขณะที่แดนกลางได้อลองโซ่มาคุมจังหวะเกมส์ ตัดเกมส์ วางบอลยาวโดยมีลูกหาบอย่างมาสเคราโน่มาช่วยแบ่งเบาภาระ ขณะที่ปีกสองข้างก็ได้เคาท์และริเอร่าคอยสนับสนุนและมีเบนนายูนเป็นตัวสำรองชั้นดีที่เข้ามาแก้สถานการณ์คับขันของทีมได้หลายครั้ง

ฤดูกาลที่แล้วจึงน่าจะเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดที่ เอล ราฟา ค้นพบสูตรการเล่นที่สามารถปราบทีมใหญ่อย่างแมนยูและเรอัล มาดริด ได้อย่างราบคาบ เพียงแต่ว่าขุมกำลังสำรองของหงส์แดงไม่สามารถช่วยให้ลิเวอร์พูลทะยานขึ้นเป็นแชมป์ลีกสมัยที่สิบเก้าได้

ผมตั้งข้อสังเกตกับระบบโรเตชั่นของเบนิเตซมาหลายครั้งแล้วว่า หากให้ฮาเวียร์ มาสเคราโน่กับ ลูคัส เลว่า จับคู่กันเมื่อไร โอกาสที่ลิเวอร์พูลจะเอาชนะคู่แข่งค่อนข้างยากซึ่งผลส่วนใหญ่ออกมาในรูปของการเสมอกับทีมระดับกลางและท้ายตาราง เช่น เสมอกับวีแกนที่เจเจบีสเตเดี้ยม หรือเสมอกับสโต๊ต ซิตี้ในบริตาเนียสเตเดี้ยม เป็นต้น

อย่างไรก็ตามระบบโรเตชั่นของราฟาเองก็ส่งผลดีต่อการทำทีมอยู่ไม่น้อยนะครับเพราะนักเตะไม่กรอบจนเกินไปในสมรภูมิฟุตบอลที่เตะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ว่าโรเตชั่นจะทำให้ความเข้าใจในทีมสะดุดลงเป็นบางช่วง สังเกตได้จากผลเสมอที่มากเกินไปจนทำให้ลิเวอร์พูลอดฉลองแชมป์ทั้งๆที่พวกเขาแพ้เพียงสองนัดเท่านั้น

ดังนั้นจึงนำมาสู่การอธิบายถึงเหตุผลประการที่สอง คือ การจากไปของ “ชาบี อลองโซ่” (Xabi Alonso) ที่ทำให้เราได้เห็นแล้วว่าสภาพกลางสนามที่ขาดการเชื่อมเกมส์ ทำลายจังหวะคู่ต่อสู้ หรือแม้แต่การตัดเกมส์อย่างชาญฉลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราจะหาไม่ได้เลยจากมิดฟิลด์ตัวแทนหมายเลข 21 ที่ชื่อ “ลูคัส เลว่า” (Lucas Leiva) ครับ

กองเชียร์เดอะค็อปแทบทั้งโลกเห็นพ้องต้องกันว่า “เทพลูคัส”ไม่สามารถก้าวขึ้นมาทดแทนการขาดหายไปของมิดฟิลด์หน้าหยกทีมชาติสเปนรายนี้ได้ เพียงแต่คนที่อาจจะยังไม่เห็นด้วยกับแฟนบอล คือ ราฟาเอล เบนิเตซ

ถ้าท่านผู้อ่านที่ติดตามชมฟอร์มการเล่นของลิเวอร์พูลมาโดยตลอดจะพบการเปลี่ยนแปลงในแดนกลางของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้อย่างชัดเจน

และผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่า “อัลแบร์โต้ อควินลานี่” (Alberto Aquilani) จะสามารถมาทดแทนตำแหน่งของชาบีได้หรือเปล่า

จริงๆแล้วผมเองก็ไม่อยากจะคิดว่าอลองโซ่ มีอิทธิพลกับทีมลิเวอร์พูลของ เอล ราฟา มากมายขนาดนั้นเพียงแต่ผลงานที่เกิดขึ้นตอนนี้มันค่อนข้างชัดเจน ซึ่งผมก็เชื่อว่า “เอล ราฟา” แกก็คงมองเห็นเหมือนกันแต่ด้วยความที่แกมีทิฐิมานะและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากจึงอยากจะทดลองให้โอกาสกับเจ้าหนูลูคัส เลว่าไปสักพักหนึ่งก่อน

ผมคิดว่าลิเวอร์พูลชุดนี้ขาดตัวพักบอลที่ดีครับ ซึ่งช่วงฤดูกาลต้นๆที่เอล ราฟา เข้ามาคุมทีมเขาดึงอลองโซ่มาจากเรอัล โซซิดัด (Real Sociedad) และราฟาได้ทำให้อลองโซ่กับเจอร์ราดกลายเป็นคู่กลางที่น่าเกรงขามที่สุดคู่หนึ่งในยุโรป แต่อย่างไรก็ตามเมื่อบทบาทของเจอร์ราดขยับไปเล่นสูงขึ้นทำให้อลองโซ่ต้องกลายเป็นคนคุมจังหวะเกมส์ ประคองเกมส์แทนเจอร์ราดไป เข้าทำนองปิดทองหลังพระ

เบนิเตซเองพยายามหามิดฟิลด์ลูกหาบมาช่วยอลองโซ่ไล่ตั้งแต่ “โมโม่ ซิสโซโก้” มาจนกระทั่ง “ฮาเวียร์ มาสเคราโน่”
ทั้งนี้มีข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งสำหรับระบบการเล่นแบบใช้หน้าเป้าตัวเดียวกับกลางห้าตัวของ เบนิเตซ คือ ต้องมีตัวประคองเกมส์และกำหนดจังหวะเกมส์ดีๆสักตัวหนึ่งซึ่งที่ผ่านมา ชาบี อลองโซ่ รับบทบาทนี้มาโดยตลอด

อย่างไรก็ดีแม้ทีมชุดนี้จะเล่นตามรูปแบบการเล่นเดิมแต่กลับกลายเป็นว่าลิเวอร์พูลไม่มีกองกลางพักบอล ขาดตัวเชื่อมเกมส์ ประคองเกมส์และตัดเกมส์ได้ ซึ่งพูดถึงตรงนี้แล้วทำให้นึกถึงกองกลางตัวเก๋าในอดีตอย่าง “ดีทมาร์ ฮามันน์” (Dietmar Harmann)ที่เคยเข้ามาช่วยเติมแดนกลางของหงส์แดงให้แข็งแกร่งตอนช่วงที่เจอร์ราดกำลังอยู่ในวัยรุ่น

ผมคิดว่า “ดีดี้” ฮามันน์น่าจะมีส่วนทำให้เจอร์ราดเล่นได้ด้วยความมั่นใจมากขึ้นเนื่องจากฮามันน์ได้ช่วยประคองเกมส์แดนกลางให้ลิเวอร์พูลมาหลายปีก่อนที่อลองโซ่จะมาร่วมทีม

โดยส่วนตัวนะครับ ผมเชื่อว่า เอล ราฟา ต้องการปั้นลูคัส เลว่า อดีตกัปตันทีมชาติบราซิลชุดเล็กแถมยังมีดีกรีเป็นดาวรุ่งแห่งวงการฟุตบอลบราซิล จนใครหลายคนขนานนามว่าเป็น “เจอร์ราดแห่งบราซิล” ซึ่งถ้าใครได้ดูคลิปในยูทูป (http://www.youtube.com/watch?v=EYqKzNlxclw) จะพบว่าฟอร์มการเล่นของ ลูคัส เลว่าในสโมสรเกรมิโอ (Gremio) นั้นเข้าขั้น “เทพ”จริงๆ ด้วย

ในอดีตที่ผ่านมาลิเวอร์พูลมักจะได้นักเตะประเภทนักเตะ “นิว”ทั้งหลายมาเชยชมและดูเหมือนว่าลิเวอร์พูลจะชอบรับ “เซ้ง” นักเตะนิวเนมมาตั้งแต่ยุคเชราลด์ อุลลิเยร์ (Gerard Houllier) แล้ว มีตั้งแต่นิวโบบัน (อิกอร์ บิสคาน) , นิวซีดาน (บรูโน่ เชย์รู) แม้กระทั่ง นิวตูราม (ฌิมี่ ตราโอเร่) ก็ยังมี

จะว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจ “ลูคัส เลว่า” เหมือนกันนะครับ เนื่องจากลูคัสเพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่มได้ไม่นานอายุเพิ่งจะยี่สิบสองแต่ต้องมาแบกรับภาระในฐานะมิดฟิลด์ตัวตัดเกมส์ เชื่อมเกมส์ ประคองเกมส์ ซึ่งจะว่าไปแล้วเขาควรอยู่ทีมสำรองรอวันเวลาที่แข็งแกร่งมากกว่านี้

หลายต่อหลายเกมส์เราจะเห็น ลูคัสกลายเป็น “ลูกไล่” ของนักเตะที่เจนสังเวียนแข้งอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด (Frank Lampard) หรือ ไมเคิล คาร์ริค (Michael Carrick) ไม่จำเพาะกองกลางระดับบิ๊กโฟร์ด้วยกันเองหรอกครับ บางทีลูคัสยังไม่สามารถเอาชนะกองกลางชั้นดีของทีมระดับกลางตารางอย่างวิลสัน พลาสิออส (Wilson Palacios) ของสเปอร์ ได้เลย

สิ่งต่างๆเหล่านี้ผมคิดว่า เอล ราฟา เดิมพันกับอนาคตของไอ้หนูลูคัสไว้สูงมากเพราะทุกวันนี้ลูคัสได้กลายเป็น “แพะรับบาป” (Scapegoat) ไปเสียแล้วครับ

ลิเวอร์พูลมักมีนักเตะประเภทแพะอยู่เสมอๆนะครับ อาทิ เดวิด เจมส์ (David James) อดีตนายทวารลิเวอร์พูลชุดสไปซ์บอย , เจมี่ คาราเกอร์ (Jamie Carragher) ก็เคยเป็นแพะเนื่องจากเล่นบอลโฉ่งฉ่างแต่วันเวลาก็พิสูจน์แล้วว่า “คาร่า” เหมาะกับการยืนในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางมากที่สุด และแพะที่แฟนหงส์จำได้ไม่ลืม คือ ฌิมี่ ตราโอเร่ (Djimi Traore) อดีตนิวตูรามไงล่ะครับ “ตราโอเร่” เป็นแพะตัวใหญ่ที่เหล่าเดอะค็อปต้องส่ายหัวทุกครั้งเวลาเห็นน้องตราโอเร่ ลงสนาม จนท้ายที่สุดตราโอเร่ก็ต้องถูกอัปเปหิออกจากทีมไป

ตอนนี้ลูคัส เลว่า กำลังกลายเป็นแพะตัวใหม่แห่งทุ่งแอนฟิลด์ไปแล้วครับ หลังจากที่ไม่สามารถเล่นได้ตามความคาดหวังของแฟนบอลที่ยังไม่ลืมฟอร์มอันสุดแสนจะคลาสสิคของชาบี อลองโซ่ (แม้ว่าจะมีบางช่วงที่อลองโซ่เองก็ฟอร์มตกเหมือนกัน)

จริงๆแล้วพรีเมียร์ลีกเพิ่งจะเริ่มต้น เอล ราฟา ยังมีเวลาปรับแต่งทีมให้ได้สมดุลเหมือนที่เขาลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง อย่างไรก็แล้วแต่ ผมไม่แน่ใจว่าแฟนหงส์แดงจะทนรอได้อีกหรือเปล่าเพราะดูเหมือนว่า เอล ราฟา ยังไม่สามารถค้นหาทีมที่ดีที่สุดของเขาได้เสียที

ซึ่งหากฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลกลับบ้านมือเปล่าอีกล่ะก็เห็นทีแพะตัวใหม่คงจะหนีไม่พ้น “เอล ราฟา” แล้วสิครับ

Hesse004

No comments: