Feb 4, 2008

American Gangster หรือ “ตำรวจ” คือ หัวขบวนตัวจริง





ถ้าท่านผู้อ่านเป็นแฟนตัวยงของ The Godfather งานของ “ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า” (Francis Ford Coppola) แล้ว ผมเชื่อว่าทุกท่านคงไม่พลาดหนังอย่าง American Gangster (2007) ของ “ริดลีย์ สก๊อตต์” (Ridley Scott) ที่เพิ่งจะลงโรงฉายไปไม่กี่วันมานี้

เหตุที่ผมอ้างอิงถึงภาพยนตร์มาเฟียโรแมนติคอย่าง The Godfather นั้น ก็ด้วยเพราะมีอยู่ฉากหนึ่งของ The Godfather (1972) ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจใหม่ในวงการ “มาเฟีย”

ฉากที่ว่าเป็นฉากที่ “โซรอสโซ” เจ้าเติร์กเจ้าเล่ห์เข้ามาคุยเรื่องธุรกิจกับ “ดอนวีโต้ คอร์ลิโอเน่” ถึงธุรกิจใหม่ที่ชื่อว่า “ยาเสพติด” (Drug) ครับ อย่างไรก็ตามดูเหมือนดอนของเราจะไม่เล่นด้วยเพราะดอนแกมีจุดยืนและคุณธรรมในการทำ “ธุรกิจผิดกฎหมาย” ที่เลือกจะไม่ค้ายานรก ด้วยมูลเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของเรื่องราว “มาเฟียโรแมนติค”ของตระกูลคอร์ลิโอเน่และเป็นการย่างก้าวเข้ามาในวงการมาเฟียของดอนคนใหม่นามว่า “ไมเคิล คอร์ลิโอเน่” นั่นเองครับ

แรกเริ่มเดิมทีธุรกิจผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ “การค้าเหล้าเถื่อน” ทั้งนี้เพราะเหล้าเถื่อนในอเมริกาช่วงทศวรรษที่ 20-30 กลายเป็นสินค้า Demerit goods หรือสินค้าอคุณธรรม ที่รัฐบาลคุณพ่อรู้ดีสมัยนั้นไม่อยากให้ประชาชนดื่มเหล้า (Prohibition of Alcohol)

นอกจากเหล้าแล้ว การ “แทงหวย” ประเภทหวยใต้ดินก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่สร้างมาเฟียขึ้นมา กล่าวกันว่าเผ่าพันธุ์อิตาเลียนโดยเฉพาะที่มาจากเกาะซิซิลี คือ “ตำนานมาเฟีย”ของจริง ในนิวยอร์ค โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่อเสียของ “ชาร์ล ลัคกี้ ลูเซียโน่” (Lucky Luciano) คือ โคตรมาเฟียที่มาได้ดิบได้ดีในเมืองนิวยอร์ค

“ลูเซียโน่” สร้างองค์กรอาชญากรรมที่ทรงอิทธิพลขึ้นในอเมริกาถึงกับทำให้นิตยสารอย่าง TIME ยกให้เป็นหนึ่งในยี่สิบบุคคลที่มีอิทธิพล (ด้านลบ) แห่งศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียวครับ

ชื่อของลูเซียโน่ดูเหมือนจะตีคู่มากับมาเฟียหนุ่มเลือดร้อนนามว่า “ดัตช์ ชูลซ์” (Dutch Schultz) ครับ ชูลซ์นับเป็นมาเฟียที่เติบใหญ่ในช่วงที่สหรัฐอเมริกากำลังรุ่งเรืองในช่วงทศวรรษที่ 20 (หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสงบลง) และมีชีวิตอยู่พอได้เห็น The Great Depression หรือวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในทศวรรษที่ 30 อย่างไรก็ตาม “ชูลซ์” นับเป็นมาเฟียอายุสั้น ครับเนื่องจากพี่แกตายตั้งแต่อายุ 33 ปี

อย่างไรก็ตามว่ากันว่า “อเมริกันมาเฟีย” ตัวแสบที่สุด คือ “อัล คาโปน” (Al Capone) ครับ “อัล”หรือ “ไอ้หน้าบาก” (Scarface) กลายเป็นมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงระยะเวลาก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ถิ่นฐานทำมาหากินของอัล คาโปน อยู่ที่ “ชิคาโก้” ครับ ธุรกิจผิดกฎหมายตั้งแต่ค้าเหล้าเถื่อน ทำหวยใต้ดิน ไปจนกระทั่งเปิดซ่องนั้น พี่อัลของเราแกดูแลหมด อย่างไรก็ตามอัล คาโปนก็มาจนมุมติดคุกด้วยข้อหาง่ายๆอย่าง “หนีภาษี” ครับ

“อัล” ดูจะเป็นมาเฟียที่ได้รับความสนใจจากวงการบันเทิงเป็นพิเศษครับ ด้วยเหตุนี้เองเรื่องราวของพี่แกเลยปรากฏอยู่ทั้งในละครทีวี ภาพยนตร์ นิยายอาชญากรรม ไม่เว้นแม้กระทั่งการ์ตูน อย่างไรก็ดีดูเหมือน The Untouchables (1987) ของ “ไบรอัน เดอ พัลมา” (Brian De Palma) น่าจะกล่าวถึงยุคสมัยของอัลคาโปนได้ดีที่สุดครับ และคนที่มารับบทเป็น “อัล” ก็คือ ป๋าโรเบิร์ต เดอไนโร (Robert De Niro) นั่นเอง

ตำนานมาเฟียคนสุดท้ายที่ผมอยากกล่าวถึง คือ Ellworth Bumpy Johnson ครับ “บัมปี้”เป็น “เจ้าพ่อมาเฟียผิวดำ”ที่กล่าวกันว่าทรงอิทธิพลที่สุดในย่านฮาร์เล็ม(Harlem)ช่วงทศวรรษที่ 30จนถึงปลายทศวรรษที่ 60 และ “บัมปี้” ยังเป็นนายใหญ่ของ “แฟรงก์ ลูคัส” ถึง 15 ปี

ชีวิตของ “บัมปี้ จอหน์สัน” นั้นได้ถูกถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์มในเรื่อง Hoodlum (1997) ผลงานการกำกับของบิล ดุค (Bill Duke) โดยได้ “ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น” (Laurence Fishburne) มารับบทเป็น “บัมปี้” ครับ

ท่านผู้อ่านสังเกตมั๊ยครับว่า “ยุคสมัย”ของมาเฟียมักอยู่ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรืองเฉพาะสหรัฐอเมริกานั้น มาเฟียรุ่นเก๋าๆที่กล่าวมานั้นล้วนเป็น “กลุ่มอาชญากร”ที่เติบโตมาพร้อมๆกับความรุ่งเรืองของเมืองอย่างนิวยอร์คและชิคาโก้ และที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ คนเหล่านี้มีชีวิตอยู่ในช่วง The Great Depression หรือวิกฤตเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุดในสหรัฐช่วงทศวรรษที่ 30

นอกจากนี้เหล่าร้ายทั้งหลายนี้หากินอยู่กับ “ข้อห้ามของกฎหมาย” โดยเฉพาะการค้าของผิดกฎหมาย (Smuggling or Trafficking)ซึ่งในมุมมองทางเศรษฐศาสตร์แล้วการค้าของผิดกฎหมายมี “แรงจูงใจ” ในเรื่อง “กำไร” มากกว่าการค้าของถูกกฎหมาย เข้าตามกฎที่ว่า High risk High Return นั่นเองครับ

ด้วยเหตุนี้เองการลักลอบนำเข้าเหล้าเถื่อน เดินโพยหวยใต้ดินแม้แต่ธุรกิจค้าน้ำกามนั้นจึงกลายเป็นแหล่งหาเงินสำคัญของเหล่ามาเฟียในสหรัฐอเมริกาส่วนหนึ่งเพราะไม่มีสุจริตชนคนไหนอยากทำ

ดังนั้นการเติบใหญ่ขององค์กรอาชญากรรมส่วนหนึ่งจึงมาจากแรงผลักของ “กฎหมายรัฐ” ที่ผลักให้ธุรกิจที่ขาย“สินค้าอคุณธรรม”(Demerit goods) เหล่านี้ถูกนิยามว่าเป็น “ธุรกิจผิดกฎหมาย” และเป็นภัยต่อสังคม

สำหรับ American Gangster (2007) ของริดลีย์ สก๊อตต์ นั้น ได้เล่าถึง “มาเฟียผิวดำ” อย่าง “แฟรงก์ ลูคัส” (Frank Lucas)อดีตคนสนิทของ “บัมปี้ จอห์นสัน” ตำนานมาเฟียผิวดำในย่านฮาร์เล็ม

อย่างที่เรียนไปตอนต้นแล้วครับว่า “ธุรกิจค้ายาเสพติด” ได้กลายเป็นธุรกิจใหม่ที่เหล่าทุรชนนั้นเริ่มสนใจไม่ว่าจะเป็นแก๊งค์ไอริช แก๊งค์ตุรกี หรือ แม้กระทั่งแก๊งค์อิตาเลียนเอง

โดยส่วนตัวผมแล้วผมคิดว่างานชิ้นนี้ของ “ริดลีย์ สก๊อตต์” นับว่า “ลงตัว” อยู่ไม่น้อยครับทั้งพล็อตเรื่องที่ได้มือเขียนบทอย่างSteve Zaillian (จาก All the King’s Men ฉบับล่าสุด) มาช่วยจัดการให้ นอกจากนี้ยังได้ดาราเจ้าบทบาทอย่าง “แดนเซล วอชิงตัน” (Danzel WAshigton) และ “รัสเซล โครว์” (Russel Crowe) มารับบทนำ

“ริดลีย์ สก๊อตต์” จงใจจะฉายภาพของมาเฟียผิวสีในย่าน “ฮาร์เล็ม” อย่าง แฟรงก์ ลูคัส ที่ใหญ่ขึ้นมาได้ไม่ใช่แค่โหดเหี้ยมเพียงอย่างเดียวหากแต่เป็นโจรที่มีคุณธรรมสูงคนหนึ่ง โดยเฉพาะความชื่อสัตย์แล้ว ลูคัสไม่ได้เป็นรองใคร

“ลูคัส” ยังเป็นตัวแทนของ “นักเลง” จริงที่ทำการค้าด้วยความจริงใจแม้ว่าสินค้าที่เขาจะขายนั้นมันจะเป็น “เฮโรอีนบริสุทธิ์” (Blue Magic) ก็ตาม ความเป็นนักเลงของลูคัสสะท้อนออกมาจากความเป็นสุภาพบุรุษที่รักครอบครัวและพี่น้อง จนกล่าวกันว่าเขาเป็นพ่อค้ายาเสพติดที่ต่างจากคนอื่นๆ จะเห็นได้ว่าในหนังเรื่องนี้ไม่มีฉากไหนเลยที่ฉายให้เห็นภาพพี้ยาของลูคัสทั้งที่เขาเป็นเจ้าของธุรกิจค้ายารายใหญ่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ลูคัสได้เรียนรู้มาจาก “บัมปี้” นายเก่าของเขาซึ่งก็เป็น “นักเลงจริง” อีกคนหนึ่ง

ขณะเดียวกัน American Gangster ก็ดูเหมือนจงใจจะตบหน้าเหล่าโจรที่มักแฝงตัวมา “ตบทรัพย์” มิจฉาชีพอีกต่อในรูปของ “เจ้าหน้าที่รัฐ” โดยเฉพาะ “ตำรวจ”

น่าสนใจนะครับว่าทำไมอาชีพ “ตำรวจ” จึงกลายเป็นอาชีพที่ชาวบ้านร้อง “ยี้” อาชีพหนึ่งไม่แพ้อาชีพ “นักการเมือง” หนังหลายต่อหลายเรื่องอย่าง L.A. Confidential (1997) ของ “เคอร์ติส แฮนสัน” (Curtis Hanson) ก็ปอกเปลือก “ตำรวจแอลเอ”เสียไม่มีชิ้นดี ประมาณว่าถ้าริจะเป็นตำรวจได้ก็ต้องหัด “ยิงคนทางข้างหลัง” เป็น

เช่นเดียวกับ American Gangster ครับที่เราได้เห็นการจับกุมราชายาเสพติดอย่าง “ลูคัส” พร้อมๆกับการลากเอาเหล่าพลพรรคตำรวจนอกรีตแตกแถวทั้งหลายออกมาในตอนท้ายของเรื่อง

ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจนักที่หลายวันมานี้ข่าวเรื่อง “แกงค์ ต.ช.ด.ตบทรัพย์” จะโด่งดังบนหน้าหนังสือพิมพ์เพราะดูเหมือนว่า American Gangster จะบอกเราเป็นนัยๆแล้วว่าไอ้หัวขบวนตัวจริงก็คือ “ไอ้คนที่รักษากฎหมาย” เนี่ยแหละครับ

Hesse004

1 comment:

~๐พายุ๐~ said...

พี่ต้วน ถ้าเข้ามาอ่าน comment นี้ ช่วยโทรหาพี่โป่ง (ชลาลัย 084-127-7422 หน่อยครับ) พี่เขามีอะไรจะปรึกษาหน่อยครับ.

ผมคิดว่าโครงการนี้เหมาะกับพี่นะ.
จักรกฤษณ์