Jul 21, 2008

“Rocky Balboa” บางครั้งชัยชนะก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ





ชื่อของ “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน” (Sylvester Stallone) ผู้คนส่วนใหญ่มักจดจำดาราใหญ่คนนี้ในบทของ “แรมโบ้” ทหารหนุ่มนักบู๊ อย่างไรก็ตามผู้ชมยังจดจำภาพของเขาในบทบาทของ “ร๊อคกี้ บัลโบ” (Rocky Balboa) นักมวยโนเนมที่โด่งดังขึ้นมาเพียงชั่วข้ามคืน

โดยส่วนตัวแล้ว , ผมได้ดูหนังเรื่อง Rocky (1976) เพียงภาคเดียวครับ หนังเรื่องนี้ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ในปี ค.ศ.1976 รวมทั้ง “จอห์น จี อวิลด์เซ่น” (John G. Avildsen) ก็คว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมมาครองอีกด้วย

หนังเรื่องนี้ทำให้ชื่อของ “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน” แจ้งเกิดในวงการฮอลลีวู้ดอย่างแท้จริงครับ ขณะที่ศักยภาพของสตอลโลนเองก็ไม่ได้เป็นแค่นักแสดงเจ้าบทบาทเท่านั้น หากแต่เขาคือมือเขียนบทเรื่อง “ร๊อคกี้” ภาคหนึ่งด้วยตัวเอง

จะว่าไปแล้วหนังเรื่องนี้มีพลังหลายอย่างอยู่ในตัวเองนะครับ พลังอย่างแรก คือ การปลุกกำลังใจให้เราลุกขึ้นมา “พิสูจน์ตัวเอง” เหมือนที่ร๊อคกี้นักมวยไร้อันดับได้รับโอกาสขึ้นท้าชิงกับ อพอลโล ครีท (Apollo Creed) แชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวี่เวท ผู้มีนิสัยขี้โอ่

ภาพยนตร์ “มวย” ในยุคต่อๆมามักมีแพทเทิร์นการนำเสนอคล้ายๆกับ “Rocky” ไม่ว่าจะเป็น Cinderella Man (2005) ของ รอน โฮเวิร์ด (Ron Howard) หรือแม้กระทั่ง Million Dollar Baby (2004) ของคุณปู่คลิ้นท์ อีสต์วู้ด (Clint Eastwood)

จริงๆแล้วมนุษย์เรานั้นมี “ศักยภาพ” อยู่ในตัวเองทุกคนนะครับ เพียงแต่ว่าศักยภาพดังกล่าวนั้นมันจะถูกดึงออกมาใช้ได้ถูกที่ถูกเวลาหรือเปล่า ผมเชื่อว่าทุกๆคนมี “สังเวียน” ของการพิสูจน์ตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน กีฬา หรือแม้แต่ชีวิตครอบครัว

หนังเรื่องนี้ยังสื่อให้เห็น “โอกาส” ของชีวิตคนเราที่มันไม่ใช่ว่าจะได้มากันอย่างง่ายๆนัก เช่นเดียวกับโอกาสของร๊อคกี้ที่เป็น “มวยแทน” รอให้แชมป์คอยถลุงเล่น

ครั้งหนึ่ง “ไอ้ป๋า” เพื่อนผมมันเคยพูดไว้ว่า “โอกาสมักมาเยือนกับผู้เตรียมพร้อมเสมอ”

จริงอย่างที่ไอ้ป๋ามันพูดนะครับ เพราะหลายต่อหลายครั้งเรามักปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอย่างหน้าเสียดายเพราะความไม่พร้อมและลังเลใจของเราเอง

“ร๊อคกี้”ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีอายุครบสองร้อยปีพอดีครับ ด้วยเหตุนี้เรื่องของ “การให้โอกาส” จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกนำมาถ่ายทอดในเรื่องนี้ ด้วยเหตุที่ชาวอเมริกันเชื่อว่าแผ่นดินของพวกเขานั้นเป็นดินแดนที่ให้โอกาสกับทุกคน (ที่ได้รับอนุมัติวีซ่าจากสถานทูตอเมริกา…ฮา!)

ผมประทับใจกับบทภาพยนตร์ที่สตอลโลนเขียนเพราะเนื้อหาของเรื่องเต็มไปด้วยเรื่องราวของ “ชีวิต” ผู้คนอย่างแท้จริง ซึ่งเราสามารถพบเห็นได้จากคนใกล้ตัวแม้กระทั่งตัวเราเอง ดังนั้น บุคลิกของตัวละครจึงมีความเป็นมนุษย์จริงๆ ไม่มีใครดีสุดขั้วหรือชั่วสุดขีด และความเป็น “มนุษย์” เนี่ยแหละครับที่ทำให้โลกเราดูจะมีรสชาติที่แตกต่างกันไป

สำหรับประเด็นสำคัญอีกอย่างที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้ คือ บางครั้งผลการแข่งขันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก ซึ่งในหนังเรื่องนี้สตอลโลนพยายามชี้ให้เห็นว่าเป้าหมายของร๊อคกี้ที่ขึ้นต่อยกับครีทนั้นเพียงแค่ประคองตัวให้ครบสิบห้ายกไม่ให้โดนน๊อคไปเสียก่อน

ด้วยเหตุนี้เอง หากเราเชื่อว่าเราได้พยายามถึงที่สุดแล้ว (Try to do the best) น่าจะเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าผลการแข่งขันเสียอีก

ผมเชื่อว่าเราแต่ละคนล้วนรู้จักถึงพลังของตัวเราเองเป็นอย่างดี น่าแปลกนะครับที่ความสามารถของคนเราจะได้รับการพัฒนาได้หากเราตั้งใจและฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ เพราะในโลกนี้ไม่มีใครหรอกครับที่เกิดมาแล้วจะวิ่งได้เลย, เกิดมาแล้วจะเตะบอลเป็น, เกิดมาแล้วจะว่ายน้ำได้เก่ง เกิดมาแล้วจะคิดเลขได้เร็ว, เกิดมาแล้วจะเขียนหนังสือเป็น ทุกอย่างมันอยู่ที่การฝึกฝนด้วยกันทั้งนั้น (Practice)เหมือนที่วาทยากรดนตรีคลาสสิคท่านหนึ่งเคยบอกในโฆษณาเหล้าบักจอหน์นี่ว่า “ถ้าเราอยากจะไปคาร์เนกี้ ฮอลล์ เราก็ต้อง ซ้อม ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม”

การฝึกฝนบ่อยๆ จะก่อให้เกิดความชำนาญ ความชำนาญจะสร้างทักษะ ทักษะ คือที่มาของประสบการณ์และประสบการณ์เนี่ยแหละครับจะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้

ภาพยนตร์เรื่อง “ร๊อคกี้” นับเป็นตัวอย่างภาพยนตร์ที่ให้กำลังใจคนที่กำลังหมดหวังทดท้อกับชีวิตหรือกำลังดูถูกตัวเอง เพราะหากเรามีฐานคติเช่นนั้นแล้วโลกทั้งใบของเราก็ดูจะหม่นๆไปตลอดชีวิตนะครับ ลองหันกลับมาให้กำลังใจตัวเองก่อน ด้วยความหวังที่เชื่อว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นในวันข้างหน้า...หากเรามีความพยายามครับ

Hesse004

No comments: