May 18, 2009

“เพื่อนสนิท” เลือกคนที่ใช่ หรือ รอคนที่ชอบ





กระบวนหนังไทยที่ว่าด้วยเรื่องราวของความรักในช่วงมหาวิทยาลัยดูเหมือนว่า “เพื่อนสนิท” (2548) ของคุณเอส คมกฤษ ตรีวิมล มีความโดดเด่นอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ

หนังไทยเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเรื่อง “ตู้ไปรษณีย์สีแดง”ก่อนจะได้รับการพัฒนาบทภาพยนตร์โดยคุณนิธิศ ณพิชญสุทิน ซึ่งได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากชมรมวิจารณ์บันเทิงและเวทีสุพรรณหงส์

สำหรับความพิเศษของหนังเรื่อง “เพื่อนสนิท” อยู่ที่ประเด็นในการนำเสนอครับ ประเด็นที่ว่านี้คนทำหนังเขาโปรยไว้บนใบปะหนังว่า “คุณเคยแอบรักเพื่อนสนิทไหม?”

เคยมีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจว่าผู้ชายกับผู้หญิงจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆได้หรือเปล่าโดยที่ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแอบคิด “เผลอใจ” ไปแอบรักเพื่อนตัวเองเข้า

ความรักที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้เป็นความรักของคนหนุ่มสาวในช่วงวัยรุ่นตอนปลายที่ผ่านช่วงอารมณ์หวานแหววกุ๊กกิ๊กมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ความรักของคนช่วงนี้จึงเริ่มต้องการแสวงหาความมั่นคงทางอารมณ์มากขึ้นกว่าเก่า

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องความรักของคนสามคนครับโดยสองคนแรกมีความสัมพันธ์กันแบบเพื่อนสนิทมาก่อนทั้งๆที่เจ้าหนุ่มไข่ย้อยอาจจะแอบหลงรัก “ดากานดา” เพื่อนสาวมาตั้งแต่แรกเห็น

ขณะที่ความรักของ “นุ้ย” พยาบาลสาวแห่งเกาะพงันเป็นความรักที่เกิดจากความพยายามจะหาใครสักคนที่ใช่มาโดยตลอดแต่จนแล้วจนรอดรักของสาวใต้คนนี้ก็ไม่สมหวังเสียที

ผมเคยแอบตั้งข้อสังเกตในฐานะนักเรียนเศรษฐศาสตร์ว่า “ความรัก” ของคนเรามันก็เหมือนสินค้าชนิดหนึ่งที่มีทั้งผู้เสนอซื้อและผู้เสนอขายนะครับ บางครั้งเราก็เป็นคนบริโภคความรักเช่นเดียวกับที่บ่อยครั้งเราก็ชอบเป็นผู้ผลิตความรักขึ้นมาเสียเอง

อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่า “มือที่มองไม่เห็น” (Invisible hand) ของใครกันแน่ที่เป็นคนจับชนให้คนสองคนมารักกันและท้ายที่สุดคนทั้งคู่ก็กลายเป็นทั้งผู้ผลิตและบริโภคความรักไปพร้อมๆกัน แหม่! ผมเขียนเสียเคลิ้มเชียว…

บางทีชีวิตคนเรามันมักมีเรื่อง “ตลก” แบบไม่คาดฝันเข้ามาอยู่เสมอนะครับ และไอ้ความไม่คาดฝันนี้เองที่ทำให้เราอาจได้พบใครบางคนซึ่งท้ายที่สุดกลับกลายมาเป็น “คู่ชีวิต”ของเรา

แต่บ่อยครั้งนะครับที่มี “ตีนที่มองไม่เห็น” (Invisible foot) มาถีบให้กลไกที่ว่านี้มันล้มเหลวหรือไม่ทำงาน นั่นจึงเป็นสาเหตุของการ ผิดหวัง ไม่สมหวัง อกหัก แห้ว กับ อารมณ์รัก

ไอ้การผิดหวังกับความรักเนี่ยมันทำให้ใครหลายคนเปลี่ยนแปลงไปนะครับ บางคนฟูมฟาย บางคนบ้าบอ บางคนประชด และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือทำไมเวลาเราอกหัก เรามักจะไปตัดผมกัน?? หรือจะเป็นเพราะว่าการตัดผมอาจเปรียบเสมือนการ “ตัดเยื่อ ขาดใย” ไม่ให้เราหวนไปนึกถีงเรื่องรักที่เจ็บช้ำ

“เพื่อนสนิท” ยังหยิบยกวรรณกรรมคลาสสิคอย่าง “เจ้าชายน้อย” ของอังตวน แซงเต็ก ซูเปรี (Antoine de Saint-Exupéry) นักเขียนชาวฝรั่งเศส มาใส่ไว้ในบทหนังด้วย เจ้าชายน้อยได้กลายเป็นวรรณกรรมอมตะที่เด็กอ่านก็ได้ ผู้ใหญ่อ่านยิ่งดี เพราะหนังสทอเล่มนี้ให้ข้อคิดหลายอย่างในการมองโลกและชีวิต

อย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้หยิบเพียงบางส่วนของเจ้าชายน้อยที่เกี่ยวกับเรื่อง “ความสัมพันธ์” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การที่เราจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกับใครสักคนได้นั้นมันต้องเริ่มต้นมาจากการสร้างความสัมพันธ์เป็นอันดับแรกก่อนครับ

ในบทที่เจ้าชายน้อยพบหมาจิ้งจอก แล้วหมาจิ้งจอกพูดถึงความสัมพันธ์ไว้ว่า “เธอต้องทำให้ฉันเชื่องเสียก่อน แล้วฉันก็จะเป็นเพื่อนกับเธอ” นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างความสัมพันธ์

จริงๆแล้วคำว่า “เชื่อง” มีความหมายไม่ต่างอะไรกับคำว่า “ไว้ใจ” หรือ “วางใจ” นะครับ ดังนั้นการที่เราจะเริ่มต้นคบหาใครเป็นเพื่อนสนิทสักคน เราคงต้องทำให้เขา “ไว้ใจและวางใจ”เราได้ก่อน

หลังจากนั้นความสัมพันธ์มันต้องอาศัยระยะเวลาและความอดทนครับ พูดง่ายๆว่ากว่าจะ “ซี้” กันได้เนี่ยมันต้องใช้เวลาพอสมควร

แต่ที่สำคัญที่สุดในเรื่องของความสัมพันธ์ก็คือ “การรักษาความสัมพันธ์” ไงล่ะครับซึ่งหมาจิ้งจอกบอกเจ้าชายน้อยว่า “เราต้องรู้จักที่จะรับผิดชอบความสัมพันธ์ที่เราสร้างขึ้นมา”

บ่อยครั้งนะครับที่ความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทจบลงด้วยความเคียดแค้น ชิงชัง จบลงด้วยโศกนาฎกรรมทั้งนี้ทั้งนั้นก็มาจากการที่เราไม่รู้จักที่จะรับผิดชอบความสัมพันธ์นั่นเอง

หนังเรื่องนี้ใช้เพลง “ช่างไม่รู้อะไรเลย” ของคุณตั้ม สมประสงค์ มาเป็นเพลงประกอบภายนตร์โดยได้คุณบอย พีซเมคเกอร์ มาร้องใหม่ ซึ่งก็เพราะไปอีกแบบหนึ่งนะครับ

ท้ายที่สุดผมคิดว่าบางทีชีวิตคนเราอาจจะต้องเลือกหนทางของความรักระหว่าง “เลือกคนที่ใช่” หรือจะ “รอคนที่ชอบ” ต่อไป ซึ่งหากท่านผู้อ่านได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วคงจะได้คำตอบแล้วว่าไข่ย้อยเลือกทางไหนนะครับ

Hesse004

1 comment:

Unknown said...

แปลกนะ เราเคยคิดๆเหมือนกันว่า ทำไมถึงมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นได้ในคนคู่หนึ่งๆ บังเอิญจริงหรือ ...หรือเป็น "มือที่มองไม่เห็น" กันแน่

ถ้ามองทางพุทธ มือนั้น ก็อาจเป็นวิบากกรรม ไม่รู้ในชาตินี้หรือชาติไหนที่ตามตัวตนของเรามา

เมื่อวานเพิ่งไปนั่งอ่านเรื่องใน blog ของน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ถามว่า รักด้วยสมองหรือด้วยหัวใจดี พี่บอกไปว่า รักด้วยความเมตตา จะคนที่ใช่ คนที่ชอบ คนที่รักไปแล้วโดยไม่มีเหตุผล หรือคนที่สมองบอกว่าเหมาะสมกับเราก็ตาม ขอเพียงใส่ความเมตตาเข้าไป แบบไหนก็ดีกับใจเราทั้งนั้นแหละ ^ ^